โรคหัดเยอรมัน
โรคหัดเยอรมัน - rubella, German measles เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะไข้ออกผื่น พบได้ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ อาการมีได้หลากหลายตั้งแต่ไม่แสดงอาการไปจนถึงขั้นเสียชีวิต
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน - rubella virus ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรง หรือสัมผัสละอองของสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย โดยแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ก่อนมีผื่นขึ้น 7 วันเรื่อยไปจนถึงหลังมีผื่นขึ้น 7 วัน และยังติดต่อจากแม่ไปสู่เด็กในครรภ์ได้อีกด้วย
การระบาด
โรคหัดเยอรมันถูกพบน้อยลงมากในสหรัฐอเมริกา หลังจากมีวัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (measles-mumps-rubella vaccine) แต่ยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญในทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในประเทศไทยข้อมูลล่าสุดของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 – 29 ตุลาคม 2561 พบรายงานผู้ป่วยโรคหัดเยอรมัน 264 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 0.40 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 0 ราย อัตราส่วนชายต่อหญิง 1:1.26 กลุ่มอายุพบมาก 3 อันดับแรกได้แก่ 25-34 ปี (ร้อยละ 26.52) 15-24 ปี (ร้อยละ 20.45) และ 35-44 ปี (ร้อยละ 11.74)
อาการ
โรคหัดเยอรมันมีระยะฟักตัวของโรค 12-23 วัน เฉลี่ย 14 วัน ร้อยละ 25-50 ของผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการ ส่วนอาการของโรคมีได้หลากหลาย เช่น มีไข้ ตาแดง เจ็บคอ มีน้ำมูกคัดจมูก อ่อนเพลีย มีผื่นขึ้นที่ใบหน้าและลำตัว ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น โดยผื่นและต่อมน้ำเหลืองโตหายได้เองใน 3-5 วันและ 5-8 วันตามลำดับ
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือ ปวดข้อ และข้ออักเสบพบได้สูงถึงร้อยละ 70 ของผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคหัดเยอรมัน และอื่นๆ เช่น เกร็ดเลือดต่ำ และสมองอักเสบ เป็นต้น
" นอกจากนี้ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก อาจส่งผลให้เด็กเกิดมามีกลุ่มอาการโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด เช่น ต้อกระจก หูหนวก และหัวใจพิการ หรือเกิดการแท้งได้ "
การวินิจฉัย
วินิจฉัยจากประวัติการสัมผัสโรค อาการที่เข้าได้กับโรคหัดเยอรมัน ร่วมกับการตรวจเลือด สารคัดหลั่งจากคอหรือจมูกทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียารักษา จึงรักษาประคับประคองตามอาการ
การแยกโรค
ผู้ป่วยโรคหัดเยอรมันควรแยกโรค 7 วันหลังจากเริ่มมีผื่นขึ้น ส่วนผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยหรือเดินทางไปในที่มีการระบาดของโรคหัดเยอรมันควรเฝ้าสังเกตอาการ 23 วัน ถ้ามีไข้ ออกผื่นควรรีบพบแพทย์ทันที
การป้องกัน
โรคหัดเยอรมันป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม ในผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันควรฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้ง ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันโรคหัดเยอรมันสูงถึงร้อยละ 97 ข้อห้ามของการฉีดวัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม เช่น ตั้งครรภ์หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง เป็นต้น
คุกกี้และความเป็นส่วนตัว
เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย