ต้อหิน Glaucoma
ต้อหิน เป็นโรคที่มีการทำลายเส้นประสาทตา มีหลายสาเหตุ ซึ่งความดันตาสูงเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้ลานสายตาเสียไป หรือแคบลงเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พบในคนอายุมากกกว่า 35 ปีประมาณ 1-2 % แต่อาจพบได้ในคนอายุน้อยกว่านี้หรือเป็นมาแต่กำเนิดก็ได้
ต้อหินเป็นสาเหตุของตาบอดมากเป็นอันดับ 2 รองจากต้อกระจก คนเป็นต้อหินส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัวเองก็มาก เนื่องจากบางชนิดไม่มีอาการปวด กว่าจะมาพบแพทย์ก็ตามัวหรือลานสายตาแคบจนเดินชนสิ่งของ
การตรวจประสาทตาและวัดความดันตาจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่าเป็นต้อหินหรือไม่ ถ้าความดันตาสูงแสดงว่า มีน้ำหล่อเลี้ยงคั่งมาก ระบายออกไม่ทัน ตาจะแข็งราวกับหิน จึงเรียกว่า “ต้อหิน”
ชนิดของต้อหิน มี 2 ชนิด
- ต้อหินชนิดเฉียบพลัน
- ต้อหินชนิดเรื้อรัง
1.ต้อหินชนิดเฉียบพลัน
จะมีอาการปวดตา ตามัว เห็นไฟเป็นรุ้งโดยรอบ อาจปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนได้ ถ้าความดันตาสูงมากถ้าไม่รับการรักษาตาจะบอดได้ แต่ถ้ารีบรักษาก็สามารถกลับมาเห็นได้เป็นปกติ
สาเหตุของต้อหินชนิดเฉียบพลัน
- เกิดเอง เนื่องจากเกิดมาช่องระบายน้ำหล่อเลี้ยงในตาแคบ
- พออายุมากขึ้นและอากาศสลัวๆ ก็จะเกิดการคั่งของน้ำหล่อเลี้ยง
- ต้อกระจกที่ปล่อยให้สุก ม่านตาอักเสบ
- อุบัติเหตุเกิดเลนส์ตาเคลื่อนมาด้านหน้า ปิดกั้นการระบายของน้ำหล่อเลี้ยงตา
2.ต้อหินชนิดเรื้อรัง
ระยะแรกจะไม่มีอาการ โรคจะดำเนินไปช้าๆ ความดันตาสูงขึ้นทีละน้อย มักเป็นกับตาทั้ง 2 ข้าง ประสาทตาจะถูกทำลายลงเรื่อยๆ ทำให้ลานสายตาแคบลงจนตาบอดถ้าไม่ได้รับการรักษา
สาเหตุของต้อหินชนิดเรื้อรัง
- เกิดเองโดยเฉพาะผู้ที่มีญาติพี่น้องในครอบครัวเป็น ต้องตรวจ ความดันตาตั้งแต่อายุ 35 ปี เพราะเป็นกรรมพันธุ์ได้
- เกิดจากการซื้อยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์หยอดติดกันหลายขวด ยากลุ่มนี้รักษาอาการอักเสบได้ดี แต่ก็มีผลแทรกซ้อนเป็นต้อหินได้ เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรซื้อยาหยอดตาเองควรใช้ยาที่ จักษุแพทย์สั่งและควรติดตามการรักษากับจักษุแพทย์เป็นระยะๆ
- ม่านตาอักเสบเรื้อรัง
- เบาหวานขึ้นตา
- อุบัติเหตุจากของมีคมหรือแรงกระแทกที่ทำให้เกิดเลือดออกในตา ซึ่งในระยะยาวอาจมีต้อหินแทรกซ้อนได้ คนที่เคยได้รับอุบัติเหตุ จึงควรหมั่นตรวจความดันตาเป็นระยะๆด้วย
การรักษาต้อหิน
- การใช้ยา
- การใช้แสงเลเซอร์
- การผ่าตัด
การจะรักษาด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับชนิด ความรุนแรง และสาเหตุของโรค ทั้งนี้จักษุแพทย์จะเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจที่จะให้ผลดีที่สุดกับผู้ป่วย และเมื่อได้รับการรักษาจนหายแล้ว ผู้ป่วยจะต้องพบจักษุแพทย์เป็นระยะๆ ตามนัดเพื่อจะได้ประเมินความดันตา ลานสายตา และการมองเห็น เพราะผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาหยอดเพิ่มเติมจากการฉายเลเซอร์หรือหลังผ่าตัด ในรายที่ไม่ได้เลเซอร์หรือผ่าตัดก็ต้องใช้ยาหยอดตลอดขาดไม่ได้
จุดประสงค์ที่สำคัญของการรักษาต้อหินก็คือพยายามให้ผู้ป่วยมองเห็นได้ตลอดไป ถ้าผู้ป่วยมารับการรักษาเร็วก็จะทำให้เซลล์ประสาทตาตายน้อย การมองเห็นก็จะยังดีอยู่มาก
แต่ถ้ามาช้ามีการทำลายประสาทตาไปมาก การรักษาไม่สามารถเรียกเซลล์ที่ตายแล้วคืนมาได้ แต่จะช่วยให้เซลล์ประสาทที่ยังเหลืออยู่ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพไปให้นานที่สุด
การป้องกันต้อหิน
- ตรวจสุขภาพตาประจำปี โดยการวัดความดันตาในคนอายุ 35 ปีขึ้นไป
- ไม่ซื้อยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์มาหยอดเอง
ในคนที่เป็นต้อหินแล้ว
- หยอดยาตามที่จักษุแพทย์แนะนำอย่าให้ขาด
- พบจักษุแพทย์เป็นระยะเพื่อวัดความดันตา และลานสายตา
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง
แพ็กเกจสลายต้อกระจก & ใส่เลนส์ตาเทียม
สลายเลนส์ตาที่เสื่อมด้วยคลื่นอัลตร้าโซนิคความถี่สูง ร่วมกับใส่เลนส์ตาเทียมชนิดนิ่ม
เลนส์เสริม ICL แก้ไขสายตาสั้น ยาว เอียง
แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำเลสิคได้
คุกกี้และความเป็นส่วนตัว
เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย