จองแพ็กเกจนี้

แสบตา เคืองตา สู้แสงไม่ได้ กะพริบตาบ่อยๆ จนต้องหลับตา หนักเข้าถึงขั้นต้องหยอดน้ำตาเทียมกันเลย ทำให้ติดขัดในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือเสียบุคลิก คุณกำลังเป็นโรคตาแห้ง ?

การดูแลอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง

เช่น กะพริบตาบ่อยๆ พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ ใช้น้ำตาเทียมหยอดตาก็พอจะช่วยบรรเทาอาการได้สักระยะสั้นๆ

แต่หากเป็นเรื้อรัง เป็นบ่อยจนเกิดความรำคาญ หรือรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจรักษาให้ถูกต้อง เพราะหากปล่อยไว้ไม่ดูแล อาจส่งผลให้เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง และหากอาการตาแห้งมากๆ มีโอกาสที่กระจกตาจะถลอก หรือเป็นแผลเกิดการติดเชื้อได้ง่าย

1. ใช้สายตากับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ
2. การใส่คอนแทคเลนส์มานาน
3. มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภูมิแพ้
4. ใช้ยาหยอดหรือยากินบางชนิดเป็นเวลานานๆ
5. การอักเสบของต่อมเปลือกตาที่เรื้อรัง
6. มีประวัติการผ่าตัดตา หรือแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์มาก่อน

เครื่อง Optima IPL ของ Lumenis, USA

เทคโนโลยีการรักษาโรคตาแห้งด้วยแสง IPL

IPL หรือ Intense Pulse Light เป็นแสงเข้มข้น โดยแสงจะถูกกรองช่วงความยาวคลื่นที่ไม่ต้องการออก ให้เหลือเฉพาะความยาวคลื่นที่ต้องการนำไปรักษา (ไม่ใช่แสงเลเซอร์)

การรักษาตาแห้งด้วยแสง IPL จะใช้ช่วงความยาวคลื่นเฉพาะที่ 590 นาโนเมตร

พลังงานคลื่นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจะไปทำให้เส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติที่เปลือกตาหดตัวลง จึงช่วยลดการอักเสบที่เปลือกตา

IPL ยังกระตุ้นการทำงานของต่อมผลิตไขมันที่เปลือกตา(Meibomian Gland) ให้ดีขึ้น และทำให้ไขมัน ละลาย ลดการอุดตัน ส่งผลให้การสร้างน้ำตาดีขึ้นในระยะยาว

นอกจากนี้แสง IPL ยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและตัวไรที่ขนตา ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบของเปลือกตาที่เรื้อรังได้

การรักษาตาแห้งด้วยแสง IPL ควรทำการรักษาอย่างต่อเนื่องประมาณ 4 ครั้ง ห่างกันทุก 2 สัปดาห์ จึงจะได้ผลดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจักษุแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำ

1. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนและหลังทำหัตถการ
2. ใส่แว่นกันแดดหลังทำ 1 สัปดาห์
3. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า 1 วันหลังทำ
4. หลังทำ IPL ยังคงต้องทานยาและหยอดยาตามที่แพทย์แนะนำ
5. มาติดตามการรักษาตามแพทย์นัด
6. รับประทานสารอาหารที่จำเป็นในการบำรุงดวงตา เช่น โอเมก้า-3 มีในน้ำมันปลา สารเบต้าแคโรทีนมีในแครอท ฟักทอง ผักใบเขียวต่างๆ ที่มีสารลูทีน ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์โรคตา โรงพยาบาลขอนแก่นราม โทร. 043 002 002 ต่อ 1311