degrees call-center-agent ambulance stethoscope hours-phone-service wifi-connection-signal-symbol drink-water water-heater bowl-in-a-microwave freezer wardrobe computer cutlery table sofa newspaper cd-player television bathroom-furniture toilet patient-in-hospital-bed hospital-bed

การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test : EST)

ผู้ป่วยโรคหัวใจในภาวะปกติอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลย จึงต้องมีการตรวจด้วยวิธีพิเศษคือ การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย โดยผู้ป่วยจะติดอุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจในขณะเดินหรือวิ่งบนสายพานเพื่อให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น จากนั้นแพทย์จะอ่านผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หากผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน อาจมีอาการหายใจลำบาก เจ็บแน่นหน้าอก การเต้นของหัวใจจะผิดปกติ ซึ่งแพทย์จะทราบเมื่อเห็นกราฟผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

ใครควรตรวจ EST ?

ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจ EST เป็นประจำทุกปี เพื่อค้นหาความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือด

  • ผู้ที่สูบบุหรี่
  • อายุ 35 ปีขึ้นไป
  • เป็นโรคอ้วน (BMI มากกว่า 25)
  • ผู้ที่เคยมีอาการเจ็บ แน่นหน้าอก เหนื่อยผิดปกติเมื่อออกแรง
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ

การเตรียมตัวก่อนตรวจ EST

  • งดน้ำและอาหาร 2 - 3 ชั่วโมงก่อนตรวจ ป้องกันอาการจุกเสียด
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ อย่างน้อย 12 ชั่วโมง เพราะอาจรบกวนการแปลผลการทดสอบ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาใดเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
  • ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ควรนำยาพ่นมาด้วย

ขั้นตอนการตรวจ EST

  1. เจ้าหน้าที่ติดแผ่นอิเล็กโทรดที่บริเวณหน้าอก แขนและขา เพื่อวัดสัญญานคลื่นไฟฟ้าหัวใจและอัตราการเต้นของหัวใจ และติดเครื่องวัดความดันโลหิตไว้ที่ต้นแขน
  2. ผู้เข้ารับการตรวจเริ่มเดินช้าๆ บนสายพาน และจะเพิ่มความเร็วและความชันขึ้นทุก 3 นาที โดยระหว่างเดินสายพานเจ้าหน้าที่จะสังเกตอาการ ตรวจสอบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ อัตราการเต้นของชีพจรและความดันโลหิตตลอดเวลา
  3. เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจถึงระดับที่ต้องการ หรือผู้เข้ารับการตรวจไม่สามารถออกกำลังกายต่อได้แล้ว เจ้าหน้าที่จะหยุดสายพาน
  4. ใช้เวลาในการตรวจโดยรวมประมาณ 1 ชั่วโมง
ราคา 3,000 บาท *
*ราคานี้รวมค่าเครื่องมือและค่าแพทย์แล้ว
*ยังไม่รวมค่าบริการ


© 2024 โรงพยาบาลขอนแก่นราม