degrees call-center-agent ambulance stethoscope hours-phone-service wifi-connection-signal-symbol drink-water water-heater bowl-in-a-microwave freezer wardrobe computer cutlery table sofa newspaper cd-player television bathroom-furniture toilet patient-in-hospital-bed hospital-bed

จากข่าวดัง เรามักได้ยินโรคที่ชื่อว่า “วัณโรคหลังโพรงจมูก” โดยพบได้น้อยมากเพียง 1% ของวัณโรคที่พบนอกปอด หลายคนจึงเริ่มสงสัยเรามีโอกาสเป็นได้ใช่หรือไม่ และเราจะรู้ได้อย่างไร?

รู้ได้อย่างไรว่าเป็น วัณโรค?

กรณีน้องน้ำตาลเดอะสตาร์แพทย์ชี้ชัดว่าเป็น “วัณโรคหลังโพรงจมูก” โดยพบได้น้อยมากเพียง 1% ของวัณโรคที่พบนอกปอด อีกทั้งน้ำตาลก็ไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคนี้ด้วย หลายคนจึงเริ่มสงสัยเรามีโอกาสเป็นได้ใช่หรือไม่ และเราจะรู้ได้อย่างไร?

วัณโรค เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอดร้อยละ 80 จึงแพร่เชื้อได้ง่ายผ่านละอองอากาศที่มีเชื้อจากผู้ป่วย ไอ จาม พูดดังๆ ตะโกน หัวเราะหรือร้องเพลง จากคนสู่คน

ข้อมูลของสำนักวัณโรค กรมควบคุมโรคพบว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยวัณโรคที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือคนรวยป่วยเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เป็นโรคของคนระดับล่าง เพราะโรคนี้ถูกคนลืม และเรายังใช้อากาศเดียวกันหายใจ

อาการที่สำคัญ

คือ ไอเรื้อรังนาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป อาจพบอาการอื่นเช่น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย มีไข้ ไอมีเลือดปน เจ็บหน้าอก หายใจขัด เหงื่อออกมากตอนกลางคืน

รู้ว่าเป็นวัณโรคได้ด้วยการตรวจสุขภาพ และตรวจหาเชื้อวัณโรคอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

วิธีการตรวจ

  • เอกซเรย์ปอด
  • ตรวจเสมหะหาเชื้อ เพาะเชื้อ
  • การทดสอบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อวัณโรค
  • ตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกัน

การป้องกัน

ป้องกันได้โดยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ที่อยู่อาศัยมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หากมีอาการไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ หรือประวัติใกล้ชิดกับคนป่วยวัณโรคควรไปปรึกษาแพทย์

นอกจากนี้การฉีดวัคซีน BCG ก็เป็นการช่วยป้องกันวัณโรคได้อีกทางหนึ่ง ประสิทธิภาพในการป้องกันประมาณ 80% ระยะเวลาในการป้องกัน 10-15 ปี






© 2024 โรงพยาบาลขอนแก่นราม