degrees call-center-agent ambulance stethoscope hours-phone-service wifi-connection-signal-symbol drink-water water-heater bowl-in-a-microwave freezer wardrobe computer cutlery table sofa newspaper cd-player television bathroom-furniture toilet patient-in-hospital-bed hospital-bed
label

ในช่วงปลายฝนต้นหนาว โรคที่พบมากในเด็กเล็ก ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก ไข้เลือดออก อีสุกอีใส และอีกหนึ่งโรคที่ต้อง "ระวัง" เป็นอย่างยิ่งคือ "โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส RSV"


RSV...ไวรัสอันตราย ที่ทำร้ายลูกน้อย อาจอันตรายถึงชีวิต

ในช่วงปลายฝนต้นหนาว โรคที่พบมากในเด็กเล็กได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก ไข้เลือดออก อีสุกอีใส และอีกหนึ่งโรคที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งคือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส RSV

RSV ย่อมาจาก Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการอักเสบที่เยื่อบุส่วนล่างของทางเดินหายใจคือ เกิดภาวะปอดอักเสบ

การติดต่อของเชื้อไวรัส RSV

ติดต่อได้ง่ายมากจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อไวรัส RSV เข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา หู จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ

ไวรัส RSV จะมีชีวิตยู่ภายนอกร่างกายได้หลายชั่วโมงโดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่างๆ เด็กเล็กสามารถรับเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยเชื้อมีระยะฟักตัวประมาณ 2-6 วัน หลังจากที่ได้รับเชื้อ

อาการ

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส RSV อาการเบื้องต้นคล้ายไข้หวัดธรรมดา มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ไวรัส RSV พัฒนาไปสู่โรคขั้นรุนแรงได้หากเชื้อลงไปสู่ระบบหายใจส่วนล่าง มันจะทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบ อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่ม

จากนั้นจะมีอาการหอบ ไอรุนแรง ทำให้อาการรุนแรงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตแต่พบไม่มาก การเสียชีวิตเป็นเพราะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว โดยเฉพาะเด็กทารกอายุน้อยๆ จะยิ่งเสี่ยง หรือเป็นเพราะการส่งผู้ป่วยมารักษาช้าเกินไป

หากพบอาการดังต่อไปนี้และสงสัยว่าลูกอาจได้รับเชื้อไวรัส RSV รีบพาลูกส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

  • ภาวะขาดน้ำ สังเกตเวลาลูกร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
  • อาการไข้สูงขึ้นๆ ลงๆ และมีน้ำมูกใสๆ ไหลตลอดเวลา
  • เบื่ออาหาร งอแง และอาการซึม
  • ไอมากจนเหนื่อย ไอคล้ายเสียงหมาเห่า จามบ่อย
  • มีเสมหะสีคล้ำเขียว หรือสีเหลือง
  • หายใจเป็นเสียงหวีด หายใจตื้นเร็ว สั้น ดูเหนื่อย หายใจลำบาก ปีกจมูกบานเวลาหายใจ
  • ปลายนิ้ว เล็บ เริ่มเปลี่ยนสีเป็นเขียวคล้ำ ตัวลายเขียวจากการขาดออกซิเจน

การรักษา

  • ไม่มียารักษา ต้องรักษาตามอาการ ทานยาลดไข้ตามอาการทุก 4-6 ชม. เช็ดตัวลดไข้ นอนพักผ่อนเยอะๆ ให้ร่างกายฟื้นตัว
  • แต่หากกินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นในวันที่ 4 ช่วงนี้จะอันตราย หากมีอาการหนักต้องรีบส่งตัวเข้าโรงพยาบาล แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ ให้น้ำเกลือและยาขยายหลอดลม ถ้ามีเสมหะมากจะพ่นยา เคาะปอด ดูดเสมหะ ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนก็ให้ยาปฏิชีวนะ ถ้ามีภาวะขาดออกซิเจนก็จะใส่เครื่องช่วยหายใจ เรียกว่าต้องมีทีมบุคลากรทางการแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด หากรักษาถูกต้องวันที่ 7-9 อาการก็จะดีขึ้น

การป้องกัน

  • ล้างมือด้วยน้ำสบู่ทุกครั้งก่อนสัมผัสและก่อนอุ้มเด็ก
  • หากลูกติดเชื้อ RSV รักษาให้หายดีก่อนไปโรงเรียนป้องกันการแพร่เชื้อ
  • หมั่นทำความสะอาดของใช้ ของเล่น แยกแก้วน้ำส่วนตัว
  • หลีกเลี่ยงการจูบและหอมเด็ก เพราะอาจเป็นการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว
  • หลีกเลี่ยงสัมผัสเด็กที่สงสัยว่าเป็นหวัด
  • ใส่หน้ากากอนามัย
  • ไม่นำบุตรหลานไปในที่ชุมชนคนเยอะ
  • ปัจจุบันมีภูมิคุ้มกันสําเร็จรูป RSV (Nirsevimab) ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกัน (Antibody) ต่อเชื้อไวรัส RSV โดยในทารกแรกเกิด - 12 เดือน ฉีด 1 เข็ม และในเด็กอายุ 12 – 24 เดือนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ฉีด 2 เข็ม ข้อดีของการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปในเด็กเล็ก
    1. ลดโอกาสติดเชื้อไวรัส RSV ได้ถึง 79.5%
    2. ลดความเสี่ยงนอนรพ.จากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากไวรัส RSV ได้ถึง 83.2%
    3. ลดความรุนแรงและลดโอกาสจากการรักษาตัวในไอซียูได้ 75.3%

Info Rsv


แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

© 2025 โรงพยาบาลขอนแก่นราม